(https://img2.pic.in.th/pic/-0187f265a59410d805.jpg) (https://www.pimplernprint.com/namecard-digitaloffset)
พิมพ์นามบัตร
การพิมพ์นามบัตรนั้นแรกเริ่มถูกใช้เพื่อสำหรับการแนะนำตัวของตนเองให้กับบุคคลภายนอก เพื่ออำนวยความสะดวกใน
การช่วยให้อีกฝ่ายสามารถจดจำตนเองได้ดีขึ้น และก็ทำให้อีกฝ่ายรู้โปรไฟล์ของพวกเราโดยคร่าวได้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ตำแหน่ง
ที่อยู่และก็เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ สำหรับเพื่อการพิมพ์นามบัตรแจกนั้นได้รับความนิยมกันอย่างมากในอดีตในสมัยที่ยังไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่
เนื่องจากถ้าเกิดต้องการเขียนเบอร์โทรศัพท์จะต้องใช้การจดลงสมุดแล้วจะต้องซักถามรายละเอียดที่ได้รับมาจากบุคคลนั้น ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่
สบายแล้วก็ทำให้เสียเวลาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการสัมมนาหรือพบปะสนทนาผู้อื่นด้วยแล้ว การพิมพ์นามบัตรจึงนับเป็น
ความจำเป็นอย่างเสียไม่ได้
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเครื่องใช้ไม้สอยที่ช่วยสำหรับการแนะนำตัวเองแล้วก็โปรไฟล์ได้มากมายหลายแนวทาง แต่ว่าถ้าว่านิยามของการ
พิมพ์นามบัตรไม่ใช่แค่เพียงเป็น "Name Card" แต่กลายเป็น "Business Card" ซึ่งมีความหมายโดยนัยมีบัตรที่ใช้
เพื่อการติดต่อธุรกิจหรือเรียกได้บัตรที่ใช้แนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็ได้ สำหรับในการติดต่อธุรกิจกับคนอื่นนั้นการแจกนามบัตรนั้น
เป็นสิ่งที่จำเป็นมากมายในขณะนี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นความนิยมของประเทศญี่ปุ่นนั้นนับว่าให้พกนามบัตรติดตัวตลอดระยะเวลาและให้ความสำคัญมาก
กว่ากระเป๋าสำหรับใส่สตางค์อีกด้วย เพราะเหตุว่าถ้าหากมีการพบเจอบุคคลภายนอกจนถึงมีการแนะนำตัวแล้วไม่มีนามบัตรจัดว่าเสียมารยาท
และไม่ให้เกียรติบุคคลนั้น เพราะฉะนั้นการพิมพ์นามบัตรจึงมีความสำคัญอย่างที่สุดไม่ใช่เพียงแค่เฉพาะในเชิงธุรกิจแม้กระนั้นรวมถึงบุคคลทั่วไปด้วย รูปแบบของนามบัตรนั้นจะแตกต่างออกไปตามเป้าหมายการใช้งาน เป็นต้นว่า ใช้ชี้แนะเป็นการส่วนตัว หรือ แนะ
นำในทางธุรกิจ เป็นต้น โดยเนื้อหาข้อมูลในการพิมพ์นามบัตร (https://www.pimplernprint.com/namecard-digitaloffset)จะไม่เหมือนกันออกไป โดยทั่วไปข้อมูลพื้นฐานที่จะต้องมีไม่ว่า
นามบัตรแบบไหน คือ 1.ชื่อ – ชื่อสกุลของเจ้าของบัตร 2.เบอร์โทรศัพท์หรือช่องทางติดต่อโดยจะเป็นแนวทางใดก็ได้ประการใดอย่าง
หนึ่งก็ได้หรือหลายสิ่งหลายอย่างก็ได้ตามแต่สบาย ซึ่งในปัจจุบันเว้นเสียแต่กำหนดเบอร์โทรศัพท์ โทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ อาจจะเพิ่มเติมที่อยู่อีเมล
facebook LineID เพิ่มฯลฯ แต่หากเป็นการพิมพ์นามบัตรเพื่อธุรกิจก็จะต้องมีเพิ่มอีกในเรื่องชื่อบริษัท ตำแหน่ง
ที่รับผิดชอบ และก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีข้อมูลบริษัทอย่างคร่าวๆ รวมทั้งการใช้อีเมลหรือเบอร์โทรศัทพ์บางทีอาจจะจะต้องเป็นของบริษัทด้วยเพื่อความน่า
เชื่อถือเป็นต้น
สิ่งพิมพ์นามบัตรนั้นจะมีลักษณะเป็นขนาดแผ่นเดียวโดยมีความแข็งแรงพอประมาณ ไม่ควรบางหรืออ่อนตัวจนกระทั่งเหลือเกิน ซึ่ง
ขนาดอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีไม่เหมือนกันออกไปบ้างน้อยแต่ว่าไม่สมควรไม่เหมือนกับขนาดมาตรฐานมากเท่าไรนัก นั่นเป็น 3.5 x 2.125 นิ้ว เนื่องจากขนาด
ของบรรจุภัณฑ์ที่ดีไซน์มาเก็บนามบัตรนั้นจะมีขนาดที่กับขนาดมาตรฐานเป็นหลัก สำหรับกระดาษที่ใช้ต้องมีความครึ้ม
260 มึงรมขึ้นไป โดยนิยมกระดาษอาร์ตการ์ดหรือกระดาษแฟนซี โดยการพิมพ์นามบัตรนั้นจะพิมพ์ด้านเดียวหรือสองด้านก็ได้
โดยตอนนี้นิยมพิมพ์สองด้านโดยจะชอบเจาะจงเนื้อหาเป็นภาษาไทยด้านหนึ่งรวมทั้งภาษาอังกฤษด้านหนึ่ง ซึ่งนับว่าเหมาะสมในการ
ใช้ติดต่อธุรกิจที่อาจจะมีฝรั่งรวมอยู่ด้วย
การออกแบบนามบัตรให้สวยสดงดงามนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเหตุว่าช่วยเพิ่มความน่าวางใจในการทำธุรกิจ สำหรับ
ผู้ที่ไม่เคยทราบท่านหรือบริษัทท่านเป็นการส่วนตัวถ้าเกิดได้เห็นนามบัตรที่ดูสง่าก็จะมีผลให้เชื่อถือว่าบริษัทท่านจำเป็นต้องดูน่าไว้ใจตามไป
ด้วย การตกแต่งเพิ่มในกับนามบัตรจึงเป็นที่ชื่นชอบกันอย่างมากมาย ได้แก่ การเคลือบ UV เคลือบเงา เคลือบด้าน เคลือบ
Spot UV ปั๊มนูน ปั๊มทอง และก็ฯลฯขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละท่านนั่นเอง